ลงทุนทองคำ มีรูปแบบไหนบ้าง เลือกลงทุนที่ไหนดี

จำนวนประชากร ความผันผวนเศรษฐกิจโลก ผลกระทบการเมืองระหว่างประเทศ และการก่อกำเนิดของทรัพย์สินดิจิทัล ล้วนสร้างความรู้สึกไม่มั่นคง ไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจของมวลมนุษยชาติ ทำให้ต่างต้องแสวงหา “สินทรัพย์” มั่นคง ที่ไม่ว่าเกิดอะไร สินทรัพย์นั้นจะคงมูลค่าหรืออย่างน้อยเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด สามารถนำไปใช้ได้ในทุกหนแห่งของโลกใบนี้

และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทุกคน เหลือบมองมาที่ “ทองคำ” โลหะมหัศจรรย์ ซึ่งถูกค้นพบและนำมาใช้เป็น “สื่อกลาง” แลกเปลี่ยนสินค้าข้าวของเครื่องใช้ตั้งแต่ประมาณ 5,000 ปีที่แล้ว

ทองคำ คือสินทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ผลิตใหม่เพิ่มจำนวนไม่ได้  แต่สามารถแปรสภาพนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ทั้งหมดเหตุผลที่ว่าความต้องการทองคำจะไม่มีวันลดลง เพราะผลิตใหม่ไม่ได้ จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น แต่ทรัพยากร “ทองคำ” จำนวนจำกัด เพราะมีเท่าเดิม ย่อมเป็นไปได้ว่า อนาคตราคาทองคำย่อมต้องเพิ่มขึ้นมากกว่าลดลง

ลงทุนทองคำ ดีไหม มีรูปแบบไหนบ้าง

1. ลงทุน “ทองคำแท่ง” เลือกซื้อจากร้านค้าทองคำ หรือสั่งซื้อออนไลน์จากแหล่งค้าที่น่าเชื่อถือ น้ำหนักตามต้องการ ทุกวันนี้ผลิตจำหน่ายตั้งแต่น้ำหนัก 0.1 กรัม กระทั่งถึงทองคำแท่งน้ำหนัก 10 บาท

ลงทุนทองคำแท่งจะมีข้อดีคือไม่เสียค่ากำเหน็จ ไม่มีค่าธรรมเนียมซื้อ-ขาย ผู้ลงทุนเสียเฉพาะค่าบล็อกประมาณ 100 บาทต่อแท่ง และครอบครองเป็นทรัพย์สินคือ “ทองคำ” นั้นได้จริง  ราคาปรับขึ้น ผู้ลงทุนนำออกขายก็จะทำกำไรทันที ผู้รับซื้อจะไม่ได้หักค่าเสื่อมเหมือนทองรูปพรรณ

แต่สำหรับข้อเสีย ถ้าผู้ลงทุนนำทองคำแท่งเก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยสถาบันการเงิน ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการนั้น หรือหากเก็บรักษาไว้ในบ้านที่พักอาศัยก็อาจจะไม่มีความปลอดภัยเท่าที่ควร เพราะทองคำแต่ละชิ้น แต่ละแท่ง ไม่ได้จดทะเบียและไม่มีลิขสิทธิ์ กรณีถูกโจรกรรม

ผู้ครอบครอง หรือทำหายตกไปในมือผู้อื่น ทุกคนสามารถนำทรัพย์สินหรือทองคำนั้น ออกขายกับร้านจำหน่ายทองคำ หรือแหล่งทองคำใดๆ เหมือนเป็นทรัพย์สินของตัวเอง

ทองคำแท่งราคาจะแตกต่างกับทองรูปพรรณ ทองคำแท่งน้ำหนักหนึ่งบาท น้ำหนัก 15.244 กรัม และเป็นทองคำ 99.99 % ส่วนทองรูปพรรณส่วนใหญ่ใช้ทองคำ 96.50 % ผสมโลหะชนิดอื่น 3.50 % น้ำหนักหนึ่งบาท 15.16 กรัม

2. ลงทุน “ทองคำแท่งออนไลน์” ปัจจุบันสะดวกสบาย นิยมซื้อ-ขายผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ สามารถซื้อเพื่อเก็งกำไร นั่นคือซื้อ-ขายโดยผู้ลงทุนถือเอกสาร หลักฐาน แต่ไม่ได้รับทองคำแท่งจริงๆ หรือจะเลือกรับทองคำแท่งนั้นครอบครองไว้ก็ได้เช่นกัน

ข้อเสียสำหรับการลงทุนลักษณะนี้ ผู้ลงทุนอาจจะต้องวางเงินประกันการซื้อ-ขาย หรือถูกกำหนดเวลาสำหรับชำระเงินหรือรับเงิน เช่นว่าซื้อทำกำไรอาจจะไม่ได้รับเงินทันที หรือซื้อขายขาดทุน ถ้าไม่ได้ชำระเงินตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไข ผู้ลงทุนต้องเสียดอกเบี้ย เหมาะสำหรับนักลงทุน ผู้ต้องการลงทุนปริมาณมาก และเงินหมุนเวียนเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ลงทุนเลือกรับทองคำแท่งไว้ในครอบครอง อาจจะเสี่ยงกับโจรกรรม

3. ลงทุน “ทองรูปพรรณ” ซื้อง่าย-ขายคล่อง เลือกซื้อเลือกหาจากร้านค้าทองทั่วไป เป็นที่นิยมกันอย่างมาก สามารถนำมาเป็นเครื่องประดับได้ในทุกวาระและโอกาส

แต่ข้อเสียคือโอกาสทำกำไรสำหรับทองรูปพรรณ ไม่ได้ง่ายนัก เพราะแม้ว่าราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ถ้านักลงทุนต้องการขาย ต้องเสียค่ากำเหน็จ นั่นคือค่าใช้จ่ายในการผลิตทองคำนั้นๆ และค่าการตลาดของร้านผู้จำหน่าย ทั้งต้องหักค่าเสื่อมสภาพกรณีผู้ลงทุนใช้ทองคำนั้น บวกลบแล้วผลกำไรสำหรับการลงทุนทองรูปพรรณ ถ้าไม่รวมการได้ใช้งานทองคำนั้น อัตราส่วนไม่มากนัก

และเช่นกันอาจจะเสี่ยงกับการโดนโจรกรรม เก็บรักษาดูแลไม่ดีสูญหายได้

4. ลงทุน “กองทุนทองคำ” หมายถึง ผู้ลงทุน นำเงินลงทุนไปให้ “กองทุน” ซึ่งส่วนใหญ่สถาบันการเงินคือผู้จัดตั้ง ระดมทุนจากนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย แล้วนำเงินนั้นซื้อทองคำจริงๆ ลงทุนลักษณะนี้ก็มีให้เลือกทั้งกองทุน และกองทุนรวม ข้อดีคือผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยจำนวนเงินไม่มากนัก ซื้อ-ขายตามราคาทองคำตลาดโลก ปลอดภัย และไม่ต้องเสี่ยงกับโจรกรรม หรือสูญหาย เสียหาย

ข้อเสียคือ ลงทุน “กองทุน” และ “กองทุนรวม” ต้องเสียค่าธรรมเนียม ไม่มีทองคำจริงๆ ถือไว้ในมือ ผลตอบแทนอาจจะไม่ได้มากนัก ถ้าเทียบกับการลงทุนรูปแบบอื่นข้างต้น

ถ้าชอบอยากรวยเร็ว อยากมั่งคั่ง เลือกได้ไม่ผิด..!!

ลงทุนทองคำ ทุนที่ไหนดี

ขอแนะนำ SoHoldGold มั่นคง เชื่อถือได้ มีหน้าร้าน ทำธุรกิจมากว่า 100 ปี รับรอง ส่งจริง ส่งเร็ว ปลอดภัย มีผลิตภัณฑ์เหมาะสำหรับการลงทุนทองคำได้ทั้งรูปแบบทองรูปพรรณ ทองคำแท่ง และออมทอง หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line ID: @soholdgold